ในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2547 โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ได้เปิดตัวพร้อมกับโตโยต้า อินโนวา ภายใต้โครงการ “IMV: Innovative International Multi-Purpose Vehicle” โดยในขณะนั้นโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์มีรูปทรงที่สวยกว่าคู่แข่ง ประกอบกับเครื่องยนต์ที่แรงที่สุดในเวลานั้นทำให้ตั้งแต่เปิดตัวโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ นั้นกลายเป็นรถที่ขายดีที่สุดของรถประเภทเดียวกันในเวลานั้นเครื่องยนต์ในฟอร์จูนเนอร์ รุ่นที่ 1 เดือน มี.ค. 2549 เพิ่มรุ่นพิเศษ Exclustive มาพร้อมกับสีขาวมุก ต่อมาในเดือน ส.ค. 2549 ปรับอุปกรณ์ใหม่ เช่น หัวเกียร์หุ้มหนัง/แผงบังแดดกำมะหยื่/ระบบฟองอากาศในช่องแอร์/ที่วางแก้วด้านผู้โดยสารตอนหลัง (ในรุ่น V) กลางเดือน มี.ค. 2550 เพิ่มรุ่นพิเศษ Smart มาพร้อมกับชุดแต่งสไตล์สปอร์ต (แบบเดียวกับชุดตกแต่ง TRD) ปลายเดือน ก.ย. 2550 มีการปรับรุ่นย่อยของรุ่น 2.7 V จากรุ่น 4WD เป็น 2WD
ปรับโฉมครั้งที่ 1 โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ปรับโฉมปี พ.ศ. 2551 ในวันที่ 5 สิงหาคม 2551 ได้มีการปรับโฉมบางส่วน (ไมเนอร์เชนจ์) ครั้งแรกปรับปรุงภายนอกใหม่ โดยภายนอกได้เปลี่ยนกระจังหน้าใหม่ พร้อมกับไฟหน้าใหม่เป็นโปรเจกต์เตอร์ การออกแบบไฟท้ายใหม่ ล้อแมกลายใหม่ขนาด 17 นิ้ว มีระบบ VSC และ TRC เปลี่ยนจานเบรกให้ใหญ่ขึ้น เพิ่มระบบเสริมแรงเบรก BA, มีเครื่องเล่นดีวีดีพร้อมเนวิเกเตอร์ให้เลือก และเพิ่มรุ่นดีเซลขับเคลื่อน 2 ล้อ ต่อมาในเดือน เม.ย. 2552 เพิ่มรุ่นพิเศษ TRD Sportivo และ Aperto ปลายเดือน ต.ค. 2552 ได้ปรับลุคใหม่ในรุ่น TRD Sportivo และ Aperto เช่นสเกิร์ตตกแต่งสปอร์ต และ ล้อรมดำ รวมถึงการปรับรุ่นย่อยเป็น 2.5 G 2WD จากเดิมรุ่น 3.0 G 4WD พร้อมยังเพิ่มสีตัวถังภายนอกใหม่ สีขาว Super White ll ในรุ่น 3.0 V เท่านั้น ลายเดือน พ.ย. 2553 ปรับลุคอีกครั้งในรุ่น TRD Sportivo เช่น ระบบนำทางอัฉริยะ และชุดแต่งภายนอกให้ดูสปอร์ตยิ่งขึ้น
ปรับโฉมครั้งที่ 2 โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ รุ่นปรับโฉมปี พ.ศ. 2554 โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ รุ่นแท็กซี ในวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 ปรับโฉมครั้งใหญ่ (บิ๊ก ไมเนอร์เชนจ์) พร้อมกับการเปิดตัวโตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ แชมป์ โดยภายนอกมีการเปลี่ยนไฟหน้าเป็นซีนอน-โปรเจกต์เตอร์พร้อมที่ฉีดไฟหน้า มีการออกแบบกระจังหน้า และไฟท้ายใหม่ซึ่งคล้ายโดนัท กันชนหน้าใหม่ มีไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง กันชนท้ายใหม่ โดยมีคิ้วสแตนเลสเขียนว่า FORTUNER เหนือกรอบทะเบียน ทับทิมที่กันชนทรงใหม่ ย้ายตัวอักษรบอกรุ่นเครื่องยนต์ไว้ด้านท้าย พรัอมกันนี้ยังได้เพิ่ม 2 สีตัวถังภายนอกใหม่ได้แก่ สีขาวมุก White Pearl CS และ สีเทานํ้าเงิน Dark Steel Mica
เดือน มี.ค. 2555 มีรุ่นตกแต่งพิเศษ TRD Sportivo มาให้อีกด้วย ภายใต้สโลแกน DNA สปอร์ตสายพันธ์ใหม่ กลางเดือน ส.ค. 2555 ได้เปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติลูกใหม่เฉพาะรุ่นดีเซลเปลี่ยนจากเดิม 4 สปีดเป็น 5 สปีด เพิ่มรุ่นย่อย 2.5G เกียร์อัตโนมัติ และปรับกำลังรุ่น 3000cc เป็น 171 แรงม้า หน้าตาภายนอกเหมือนเดิม ส่วนภายในเพิ่มระบบนำทาง Eco Navi พร้อมประมวลผลพฤติกรรมการขับขี่แบบ Real Time ความบันเทิงระดับเครื่องเล่น DVD และจอแสดงผล LCD แบบสัมผัส ขนาด 6.1 นิ้ว
ปลายเดือน พ.ย. 2556 ได้ปรับภายในลุคใหม่สีดำ และ เปลื่ยนรุ่นย่อยจาก 2.5 G AT 2WD เป็น 2.5 V AT 2WD เพื่อเพิ่มออฟชั่นที่ครบครัน
กลางเดือน เม.ย. 2557 ได้ปรับลุคใหม่ในรุ่น TRD Sportivo ด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ หน้จอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว และจอแอลอีดีบนเพดาน 10.1 นิ้ว
และปลายเดือน ส.ค. 2557 ได้เพิ่มรุ่นพิเศษ Midnightshine Edition ปรับให้ดูหรูหรามากขึ้น เช่น ไฟหน้า-หลังรมดำ ล้ออัลลอยรมดำ และ กรอบไฟตัดหมอกโครเมื่ยม มาพร้อมกับ 3 สีตัวถังภายนอกใหม่ได้แก่ สีดำ , สีบรอซ์เงิน และสีเทา แต่สีเทานํ้าเงิน Dark Steel Mica ถูกตัดออกไปรัฐสภาของฟินแลนด์ (ฟินแลนด์: Eduskunta; สวีเดน: Riksdag) เป็นระบบสภาเดี่ยว มีสมาชิก 200 คน ภายใต้รัฐธรรมนูญของฟินแลนด์ รัฐสภามีอำนาจนิติบัญญัติสูงสุด รัฐสภามีหน้าที่ผ่านกฎหมาย กำหนดงบประมาณรัฐ ยอมรับสนธิสัญญาระหว่างประเทศ และดูแลการดำเนินงานของรัฐบาล รัฐสภาสามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถอดถอนคณะรัฐมนตรี และดำเนินการหลังการใช้สิทธิยับยั้ง (วีโต้) ของประธานาธิบดีได้ การตรากฎหมายสามารถเริ่มโดยคณะรัฐมนตรี หรือสมาชิกของรัฐสภา การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะต้องผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาสองครั้ง โดยสภาสองสมัยติดต่อกัน (หมายความว่า เห็นชอบโดยรัฐสภาชุดปัจจุบัน และชุดหลังการเลือกตั้งครั้งหน้า) สมาชิกรัฐสภาดำรงตำแหน่งเป็นเวลาสี่ปี การเลือกตั้งในฟินแลนด์จะแบ่งออกเป็น 15 เขตเลือกตั้ง[โดยจำนวนสมาชิกสภาของแต่ละเขตขึ้นอยู่กับจำนวนประชากรในเขตนั้นๆ สมาชิกของแต่ละเขตได้รับเลือกโดยแบ่งตามอัตราส่วนตามระบบบัญชีรายชื่อแบบเปิด หมู่เกาะโอลันด์จะมีตัวแทนในรัฐสภาหนึ่งที่เสมอ โดยทั่วไปการเลือกตั้งจะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่สามของเดือนมีนาคม[สมาชิกรัฐสภาประชุมกันที่อาคารรัฐสภา (ฟินแลนด์: Eduskuntatalo; สวีเดน: Riksdagshuset) ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงเฮลซิงกิ
จากข้อมูลถึงปี พ.ศ. 2548 ถนนสาธารณะทั้งหมดของประเทศมีความยาว 78,189 กิโลเมต ทางรถไฟทั้งประเทศมีความยาว 5,741 กิโลเมตร โดยในเฮลซิงกิมีระบบรถไฟในเมือง และในปัจจุบันกำลังมีโครงการสร้างไลท์เรลในเมืองตัมเปเร และตุรกุ ฟินแลนด์มีสนามบิน 148 แห่ง โดยสนามบินที่ใหญ่ที่สุดคือท่าอากาศยานเฮลซิงกิ-วันตา ระบบรถไฟในฟินแลนด์ให้บริการโดยรัฐวิสาหกิจ “เวแอร” (VR) โดยให้บริการรถไฟเชื่อมต่อเมืองต่างๆทั่วประเทศ เส้นทางรถไฟส่วนใหญ่จะเริ่มต้นหรือสิ้นสุดทางที่สถานีรถไฟกลางเฮลซิงกิ มีบริการรถไฟความเร็วสูงเพนโดลีโน เชื่อมต่อเมืองหลักของประเทศ โดยเฉพาะตัมเปเรและตุรกุ ท่าอากาศยานเฮลซิงกิ-วันตา เป็นประตูสู่เมืองหลักๆของโลกหลายแห่ง โดยมีเที่ยวบินตรงไปยังกรุงเทพฯ ปักกิ่ง เดลี กวางเจา นาโกย่า นิวยอร์ก โอซะกะ เซี่ยงไฮ้ ฮ่องกง และโตเกียว